|
|
|
|
1 อุณหภูมิ อุณหภูมิควบคุมอัตราการเจริญเติบโตของพืช โดยมีผลโดยตรงต่อการสังเคราะห์แสง การหายใจ การดูดธาตุอาหาร การคายน้ำและกิจกรรมของเอนไซม์ต่างๆ ทั่วไปอุณหภูมิที่เพิ่มขึ้นมีผลในการเร่งขบวนการทางเคมีต่างๆ ในพืช ขบวนการเหล่านี้ควบคุมโดยเอนไซม์ ซึ่งจะทำงานได้ดีในช่วงอุณหภูมิแคบๆ อุณหภูมิสูงหรือต่ำกว่าช่วงที่เหมาะสมจะทำให้ เอนไซม์ทำงานลดลง มีผลให้ปฏิกริยาเคมีต่างๆ ในพืชลดลงหรือหยุดไปด้วย เมื่อถึงจุดนี้ พืชจะอยู่ในภาวะเครียดและหยุดเจริญเติบโต และอาจตายได้ในที่สุด การควบคุมอุณหภูมิให้เหมาะสมต่อการเจริญเติบโต ของพืชจึงเป็นเรื่องสำคัญ
สำหรับการปลูกพืชแบบไฮโดรโปนิกส์ อุณหภูมิมีบทบาทสำคัญมากต่อการเจริญเติบโตของพืช เนื่องจากอุณหภูมิที่สูงขึ้นจะทำให้ออกซิเจนละลายน้ำได้ลดลง ทำให้มีออกซิเจนไม่เพียงพอต่อการหายใจของราก เช่นเมื่ออุณหภูมิเพิ่มขึ้นจาก 25องศาc เป็น 30องศาc จะทำให้ปริมาณออกซิเจนในน้ำลดลงจาก 8.25 ppm เหลือเพียง 7.51 ppm
|
เหอะๆ พล่ามมาซะยาว..สรุปว่า อากาศ ร้อนๆหนาวๆเนี่ยทำให้อาหารย่อยยาก พอย่อยยากก็ท้องอืด..เบื่ออาหาร..กินไม่เป็นเวลา..ร่างการก็ซูบผอม..เป็นผลให้ร่างกายอ่อนแอ ติดโรคภายนอกได้ง่าย..ว่างั้นละ.. ดังนั้นควรให้น้ำในระบบ อยู่ประมาณ 25-30 องศาc.ดีที่สุด..
ตีความแบบบ้านๆก็คือ น้ำในถังสารละลายเราร้อนเมื่อไร ก็เอาน้ำแข็งใส่ลงไป..หรือ.จะเอา อ๊อคตู้ปลามาเติมอากาศให้กับถังสารละลายก็ได้เหมื่อกัน..อย่างน้อยก็ถูกก่าน้ำแข็ง.
|
|
2 ความชื้นสัมพัทธ์ มีผลโดยตรงต่อการคายน้ำของพืช เมื่อความชื้นสัมพัทธ์ในอากาศสูงจะทำให้พืชคายน้ำน้อยลง ส่งผลให้การลำเลียงแร่ธาตุอาหารต่างๆ จากรากไปสู่ใบลดลง และยังทำให้อุณหภูมิที่ใบสูงขึ้น นอกจากนี้ความชื้นสัมพัทธ์สูงยังเป็นสาเหตุทำให้เกิดโรคบางโรคได้ง่ายอีกด้วย |
คงจะหมายถึง ช่วงหน้าฝนความชื้นสูง รวมไปถึง การที่เราเปิดสปริงเกอร์..พ่นละอองลดอุณหภูมิ..บ่อยๆก็ไม่ดี..สรุปใจความได้ว่า การขับถ่ายไม่เป็นปรกติ..(ท้องผูกว่างั้นละ..!) ทำให้เบื่ออาหาร.มิน่าเล่า ทำไมหน้าหนาวผักถึงได้โตดีจัง..อากาศแห้งและ อุณหภูมิต่ำนี้เอง..เพิงรู้ความจริง.. |
|
3 แสง เป็นปัจจัยที่มีผลต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการของพืช เพราะแสงเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างอาหารหรือการสังเคราะห์แสงของพืช โดยมีคลอโรฟิลล์เป็นตัวรับแสงไปใช้เป็นพลังงานในการ เปลี่ยนคาร์บอนไดออกไซด์และน้ำเป็นคาร์โบไฮเครตและออกซิเจน แสงมีคุณสมบัติ 3 ประการที่มีผลต่อการเจริญเติบโตของพืช ได้แก่ ความยาวคลื่น ความเข้มแสงและระยะเวลาที่พืชได้รับ สง คุณสมบัติที่มีผลต่อการเจริญเติบโตของพืชที่ปลูกด้วยระบบไฮโดรโปนิกส์ที่สุด คือความเข้มแสง ความเข้มแสงที่มากเกินไปหรือน้อยเกินไป จะมีผลในการลดการสังเคราะห์แสงของพืช ทำให้พืชมีการเจริญเติบโต น้อยลง สำหรับการปลูกพืชในประเทศไทย ซึ่งอยู่ในเขตร้อน ได้รับแสงที่มีความเข้มสูง การปลูกพืชในที่โล่งจึงต้องมีการให้ร่มเงาเพื่อลดความเข้มแสง นอกจากนี้แสงยังสัมพันธ์กับอุณหภูมิคือ เมื่อแสงมีความเข้มมากขึ้นอุณหภูมิก็จะสูงขึ้นตามไปด้วย ซึ่งในการปลูกพืชแบบไฮโดรโปนิกส์จะมองข้ามความสัมพันธ์นี้ไม่ได้ เนื่องจากอุณหภูมิของสารละลายที่ใช้ปลูกพืชมีบทบาทอย่างมากต่อกิจกรรมของราก |
รับทราบ...ถ้าจะให้สรุปก็คงจะเป็น ..ตากแดดมาไป ก็ตัวดำ.ไข้ขึ้นได้ง่าย...ไม่มีแดดเลยก็ผิวพรรณ หม่นหมอง..ซูบซิดเป็นผีตายซาก..แต่ประเด็น อยู่ที่ว่า เราจะเอาผักของเราไปตากแดด แบบไหนละถึงจะ เหมาะ..สงสัยเรื่องนี้ ต้องขยายความต่อ...! ยังไม่เครีย...? |
|
4 องค์ประกอบของบรรยากาศ พืชต้องใช้ คาร์บอนไดออกไซด์เป็นวัตถุดิบในการสังเคราะห์แสง ในอากาศโดยปกติมีก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ประมาณร้อยละ 0.03 ซึ่งเพียงพอต่อความต้องการของพืช นอกจากในบริเวณที่มีพืชหนาแน่นคาร์บอนไดออกไซด์อาจเป็นตัวจำกัดการเจริญเติบโตของพืชได้ในเวลากลางวัน เนื่องจากมีการสังเคราะห์แสงเกิดขึ้นมาก นอกจากคาร์บอนไดออกไซด์แล้ว พืชต้องการออกซิเจน ใช้ในการหายใจเพื่อเปลี่ยนพลังงานเคมี ที่สะสมไว้ในรูปคาร์โบไฮเดรตเป็นพลังงานใช้ในปฏิกริยาเคมีต่างๆ ในการปลูกพืชด้วยวิธีไฮโดรโปนิกส์นั้นส่วนที่อยู่เหนือดินมักไม่มีปัญหาการขาด ออกซิเจน เนื่องจากในอากาศมีออกซิเจนอยู่ถึงร้อยละ 20 แต่ในส่วนของรากที่อยู่ในสารละลายมักเกิดปัญหาเนื่องจากปริมาณออกซิเจนที่ละลายอยู่ในน้ำไม่เพียงพอต่อความต้องการของพืช จึงต้องมีการเติมออกซิเจน ในสารละลายซึ่งอาจทำได้โดยใช้ปั๊มหรือเครื่องสูบลม หรืออาจใช้ระบบหมุนเวียนสารละลาย โดยปกติควรรักษาระดับออกซิเจนในสารละลายให้อยู่ที 8 ppm |
แล้วไอ้เจ้า 8 ppm เนี่ย เราจะรู้ได้ไงละ.. จะใช้วิธีดม หรือ ชิม ก็คงจะไม่รู้..ppm เนี่ย ตามที่ท่านพระครูเคยสอนไว้ คงจะหมายถึง มิลลิกรับต่อสิตร มั้ง ดังนั้น วิธีการตรวจสอบ ให้ เราตักน้ำในถังปลูกเราออกมา 1 ลิตร แล้ว เอาตะแกลงวิเศษ ช้อนอ๊อคซิเจ็นออกมาให้หมด แล้ว เอาไปชั่งดูว่า ได้ 8 มิลลิกรัมไหม.. |
|
5 คุณภาพน้ำ คุณภาพน้ำมีความสำคัญมากในการปลูกพืชด้วยวิธีไฮโดรโปนิกส์ เนื่องจากพืชที่ปลูกได้รับธาตุอาหารต่างๆจากสารละลายธาตุอาหารซึ่งต้องใช้น้ำเป็นองค์ประกอบสำคัญ ถ้าน้ำมีการปนเปื้อน ของจุลิทรีย์ที่เป็นสาเหตุของโรคต่างๆ โรคจะแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็ว จำเป็นต้องมีการฆ่าเชื้อก่อนนำไปใช้ ซึ่งอาจใช้คลอรีน หรือ โซเดียมไฮโปคลอไรด์ หรือ แคลเซียมไฮโปคลอไรด์ก็ได้ ถ้าน้ำขุ่นเนื่องจาก มีสารแขวนลอย จะต้องกรองเอาตะกอนออก นอกจากนี้ถ้าน้ำที่ใช้มีองค์ประกอบทางเคมีที่ไม่เหมาะสม เช่น มีจุลธาตุบางตัวในปริมาณมากเกินไป ก็จะมีผลต่อการเจริญเติบโตของพืชได้ น้ำที่มีคุณสมบัติเหมาะสมสำหรับการปลูกพืชด้วยวิธี ไฮโดรโปนิกส์คือ น้ำฝนหรือน้ำจากคลองชลประทาน |
ค่อยยังชั่ว อันนี้ง่ายหน่อย ..ก้มดูในถัง ถ้าขี้ผงเยอะก็ช้อนออกซะให้หมด..อืม....(แล้วก็คงจะหมายถึง ขี้ผงเหล่านี้ อาจจะไปอุตันปั้มน้ำเราน้ำเดินไม่สดวกและ ทำให้ปั้มพังได้เหมือนกัน..) |
|
6 ปฏิกริยาน้ำ (pH) pH ของน้ำมีผลทางอ้อมต่อการเจริญเติบโตของพืช เกี่ยวข้องกับความเป็นประโยชน์ของธาตุอาหาร โดยทั่วไปการปลูกพืชแบบไฮโดรโปนิกส์ สารละลายธาตุอาหารพืชควร มี pH อยู่ระหว่าง 5.5-6.5 หรือประมาณ 6 ไม่ควรเกิน 7 ขึ้นกับชนิดพืช |
พีฮ้งพีเฮ็ด อะไรเนี้ย เรียก กรดเรียกด่าง ไม่ง่ายกว่าหรือไง พระครูคนเดิมเคยบอก กระผมไว้ว่า ph เนี่ย ถ้าต่ำกว่า 7 หมายถึง มีค่าความเป็น กรด แล้วส่วนที่เกิน 7 เนี่ย มันมีค่าความเป็นด่าง..ตามตัวเลขที่เขาวิจัยกันมา ก็สรุปได้ว่า ผักน้อยของเราส่วนใหญ่ชอบ กรดอ่อนๆ..(แล้วอย่า..เชียวละ ..ไปเอาน้ำกรดเติมลงไปในถังสารละลาย..ตายหมดทั้งผักทังคน ไม่รู้ด้วย..!) |
|
7 ธาตุอาหารพืช พืชที่ยังคงความสดอยู่จะมีปริมาณน้ำประกอบอยู่ร้อยละ 80-95 ถ้าเก็บต้นพืชมาชั่งจะได้น้ำหนักสด เมื่อวางทิ้งไว้พืชจะเหี่ยวลงเนื่องจากสูญเสียน้ำอยู่ตลอดเวลา และถ้านำไปอบที่อุณหภูมิ 70องศาc เป็นเวลา 24-48 ชั่วโมง น้ำส่วนใหญ่ที่อยู่ในต้นพืชจะระเหยไป เมื่อนำไปชั่งอีกครั้งเพื่อหาน้ำหนักแห้งจะพบว่าพืชมีน้ำหนักลงลงอย่างมากเหลือ เพียงร้อยละ 10-20 ของน้ำหนักสดที่ชั่งครั้งแรก ยกตัวอย่าง เก็บผักคึ่นฉ่ายมา 1 ต้น สมมุติว่าชั่งได้น้ำหนักสด 100 กรัม แต่เมื่อนำไปอบให้แห้งแล้วชั่งใหม่จะเหลือน้ำหนักแห้งเพียง 10 กรัม เป็นต้น น้ำหนักแห้งที่ได้นี้มากกว่าร้อยละ 90 ประกอบด้วยแร่ธาตุ 3 ชนิด คือ คาร์บอน (C) ออกซิเจน (O) และไฮโดรเจน (H) ซึ่งได้มาจากก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ก๊าซออกซิเจน (O2) ในบรรยากาศ และ น้ำ (H2O) ส่วนที่เหลือเป็นแร่ธาตุชนิดอื่นๆ ที่ประกอบเป็นต้นพืช จากตัวอย่างคึ่นฉ่ายจะพบว่ามีธาตุอื่นๆ เพียงร้อยละ 1 ของน้ำหนักสด หรือเท่ากับ 1 กรัม |
แล้วจะรู้ไปทำไม่ละข้อนี้...สงสัยจะสื่อให้เห็นว่า ผักเรา 1 ต้นเนี่ย มี น้ำประกอบซะเป็นส่วนใหญ่..ดังนั้น ควรหันมากินน้ำแทนการกินผัก..(เงอะ..!) |